แนวรับ Support บอกถึงการที่ราคาลงมาที่แนวรับนั่นๆแล้วแนวรับนั่นรับอยู่เลยดีดกลับขึ้นไปต่อ
แนวต้าน Resistance บอกถึงการที่ราคาวิ่งขึ้นไปชนแนวต้านนั่นๆแล้วแนวต้านนั่นต้านอยู่เลยดีดกลับลงไปต่อ
เรียกกันง่ายๆ แนวรับเพื่อไม่ให้ลงต่อ แนวต้านเพื่อไม่ให้ขึ้นไปต่อ
แนวรับ แนวต้าน สามารถบอกถึงเป้าหมายในอนาคตได้ คือ อดีตเคยขึ้นไปเป็นแนวต้านตรงไหน อนาคตก็จะขึ้นไปที่แนวต้านเดิมที่เคยขึ้น
เช่นเดียวกัน อดีตเคยลงไปตรงไหนเป็นแนวรับ อนาคตก็จะลงไปที่แนวรับเดิมที่เคยลงไปถึง
เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นรอบๆของการขึ้น ลง อดีตเคยเป็นยังไงอนาคตกราฟก็จะวิ่งไปที่เดิมที่เคยขึ้นและลงเสมอๆ
double top เกิดจากการที่ แนวต้าน(อดีต)และแนวต้านปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดตัวกลับลงแรงๆ เสมอ คล้ายๆกับตัว M บางครั้งจะเป็นตัว M หางยาว
double bottom เกิดจากการที่ แนวรับ(อดีต)และแนวรับปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดตัวกลับขึ้นแรงๆ เสมอๆ คล้ายๆ กับตัว W บางครั้งจะเป็นตัว W หางยาว
การหาจุดเข้าซื้อ ขาย โดยการใช้ แนวรับ แนวต้าน เข้ามาช่วย
เมื่อทะลุ แนวต้านขึ้นไปได้ เรียกว่า break out ซื้อ
เมื่อทะลุ แนวรับลงมาไปได้ เรียกว่า break out ขาย
หลังจากที่รู้การลากเส้นแนวโน้มไปแล้วเราจะเอาการลากเส้นแนวโน้มมาผสมกับการหาจังหวะเข้า ซื้อ ขาย ที่ปลอดภัย
เริ่มแรกปลอดภัยสุด พึ่งเกิดแนวโน้มขาขึ้นแล้วมีจังหวะ break outทะลุแนวต้าน(อดีต)ขึ้นไปได้ เป็นจังหวะซื้อที่มักจะถูกทางเสมอๆ
พึ่งเกิดแนวโน้มขาลงแล้วมีจังหวะ break outทะลุแนวรับ(อดีต)ลงไปได้ เป็นจังหวะขายที่มักจะถูกทางเสมอๆ
ปลอดภัยน้อยลงมา คือช่วงที่ขึ้นไปสูงและไปต่ำแล้วในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง เรามาไม่ทันในการทะลุ(เกิดbreak out)ครั้งก่อนๆ(ตกรถ) ไปเข้าจังหวะใกล้หมดรอบแนวโน้มของขาขึ้นขาลงนั่นต้องรู้และพิจารณาเสมอๆว่าเรามาซื้อขายสูงและต่ำเกินไปต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยกาารเข้าเร็วออกเร็วแล้วมองหาเป้าหมาย(TP)ในอดีตที่เคยขึ้นลงไปที่ระดับราคาไหน(แนวรับ แนวต้าน อดีต)
การใช้ แนวรับ แนวต้านในการหา stop loss วินัยเรื่องนี้ถือว่าสำคัญที่สุด
ยกตัวอย่าง กองทุน กบข. ที่เอาเงินภาษีประชาชนไปลงทุนแล้วขาดทุนย่อยยับ ต่อให้ผู้บริหารเก่งแค่ไหนในการบริหารแต่ไม่กล้ายอมที่จะตัดขาดทุนปล่อยไปคิดว่่าเดียวก็ขึ้นก็เลยเสียหายจนถึงทุกวันนี้ เพราะขาดวินัยที่จะกล้า stop loss ขาดทุนแต่ต้นๆ แล้วไปเริ่มต้นใหม่ในการบริหารเงินทุน นี้คือตัวอย่างของการไม่ยอม stop loss
การเข้าเทรดทุกครั้ง เราต้องคิดเสมอด้วย เหตุ และ ผล ว่าเราเทรดเพราะอะไร วางแผนในเทรดครั้งนี้ยังไง เป้าหมายตรงไหน และจุดยอมรับการขาดตรงไหน
นึกเสมอว่าเข้าเทรดต้องชนะตลาด เมื่อแพ้ก็ยอมมอบตัวให้เร็ว เมื่อชนะตลาดก็รีบเก็บกำไรให้ได้ รู้ว่าตอนไหนควรอยู่เฉยๆ ตอนไหนควรเล่นสั้น ตอนไหนควรเก็บยาว
จะเห็นว่าแค่เรารู้ พื้นฐาน การลากเส้นและแนวรับแนวต้าน สามารถหาได้ทั้งจุดเข้าซื้อ ขาย เป้าหมาย จุดยอมขาดทุน
ฝึกมองภาพกว้างให้ออก โดยไปมองที่ระยะยาว มาถึงระยะสั้น บางครั้ง 15m หาเป้าหมายไม่เจอก็ลองไปเปิดกราฟ 30m 1h 4h เพื่อหาเป้าหมาย(แนวรับแนวต้านที่เคยขึ้นลงมาก่อน) การลากเส้นเทรนก็เช่นกันต้องรู้ว่าหลุดเทรนเปลื่อนแนวโน้มแล้ว มองให้ออก ฝึกบ่อยๆยิ่งบ่อยๆจะยิ่งง่ายขึ้นไปเอง การเทรดแต่ล่ะครั้งนั่น ควรเล่นเป็นรอบๆ จะสังเกตุเห็นว่าเมื่อขึ้น แนวโน้มที่เราลากเทรนก็ึลากได้จนหลุดเทรนขาขึ้นเมื่อรู้ว่าหมดคือหมดรอบของการขึ้น เมื่อรู้ว่ารอบ sideway ลากกรอบ sideway ให้ลากที่กรอบแนวรับแนวต้านนั่นๆ
การขึ้น การลง และด้านข้าง จะเห็นว่าจะวิ่งเป็นรอบๆไป บ้างครั้งเทรดง่ายเพราะกราฟวิ่งขึ้นตามเทรนขึ้นเทรนลง บ้างครั้งเล่นยากเพราะกราฟสวิง(sideway)
แนวรับ แนวต้าน ในการเกิด reversal(ขึ้นต่อ) คือการเกิดการกลับตัวของอดีตเคยเป็นแนวต้านแต่ปัจจุบันเปลื่อนมาที่เดิมกลายเป็นแนวรับแล้วทำทางวิ่งขึ้นต่อ
reversal(ลงต่อ) คือการเกิดการกลับตัวของอดีตเคยเป็นแนวรับแต่ปัจจุบันเปลื่อนมาที่เดิมกลายเป็นแนวต้านแล้วทำทางวิ่งลงต่อ
ขอบคุณท่ีแชร์ ดีคัก
ตอบลบ