Forex คือ อะไร
ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราสากล Foreign Exchange Market เรียกโดยย่อว่า FOREX หรือ Retail forex” หรือ FX หรือ Spot FX หรือเพียงแค่ Spot เป็นสถาบันตลาดการเงินที่ใหญ่สุดในโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเกิน 4 ล้านล้านเหรียญต่อวัน ถ้าเราเปรียบกับ 25 ล้านเหรียญ ต่อวัน ของปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นิวยอร์ค คุณจะเห็นความมหึมาของตลาดเงินตราสากล ความจริงแล้วมันก็ประมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน นี่คือความยิ่งใหญ่ของ Forex
- คนไทยส่วนใหญ่ เข้าใจคำว่า Forex ผิดไป ส่วนมาก เมื่อเอ่ยถึง Forex จะมีภาพพจน์ไปทางทางฟอกเงิน ก็เพราะด้วยเหตุที่ว่า Forex เป็นแหล่งเงินที่มีความคล่องตัวสูงมาก จึงทำให้สิบแปดมงกุฏทั้งหลาย นิยมอ้างถึงในการชวนระดมทุนว่านำไปทำกำไรในตลาดฟอเร็กซ์ หากอ่านต่ออีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคุณจะมองเห็นภาพของฟอเร็กซ์กระจ่างขึ้น
- ใช้อะไรในการค้าเงินตรา
คำ ตอบที่ง่ายที่สุดก็คือ เงิน ตลาด ฟอเรกซ์ เป็นตลาดที่ทำการซื้อหนึ่งสกุลและขายอีกหนึ่งสกุลได้ในทันที สกุลค้าขายโดยผ่ายตัวแทน โบรกเกอร์ (Broker) หรือ ตัวแทน (Dealer) และซื้อขายกันเป็นคู่ต่างสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น เงินดอล์ล่ายูโร กับ ดอล์ล่าอเมริกา หรือ เงินปอนด์อังกฤษ กับ เงิน เยน ญี่ปุ่น
เป็น เพราะว่าคุณไม่ได้ซื้อสิ่งของที่จับต้องได้ การค้าชนิดนี้อาจจะเข้ายากสักนิด อาจคิดเหมือนกับว่าการซื้อสกุลเงินเป็นการซื้อหุ้นของประเทศนั้น ๆ เมื่อคุณซื้อเงิน เยน ญี่ปุ่นเท่ากับคุณซื้อหุ้นเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น เพราะค่าของสกุลเงินของประเทศญี่ปุ่น เป็นผลสืบเนื่องโดยตรง ที่ตลาดเล็งถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศญี่ปุ่น
โดย ทั่วไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่ออีกสกุลเงินหนึ่ง สะท้อนถึงสถานภาพของเศรษฐกิจของประเทศนั้น เปรียบเทียบ กับอีกประเทศหนึ่ง
ไม่ เหมือนตลาดหุ้น (Stock Market) ของนิวยอร์ค ตลาดฟอเร็กซ์ไม่มีสถานที่ตั้งหรือศูนย์กลาง หรือสำนักงานใหญ่ เหมือนตลาดหุ้นอื่น ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดอยู่ในประเภท Over the Counter (OTC) หรือ ธนาคาร “Interbank” ด้วยความจริงที่ว่าตลาดทั้งหมดเดินด้วยการสื่อสารอีเลคทรดนิค ภายในเครือข่ายของธนาคารๆ ตลอด 24 ชั่วโมง
ก่อน ปี ค.ศ. 1990 เฉพราะเศรษฐี และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ที่สามารคเข้าเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ นี้ได้ คุณสมบัติขั้นต่ำคือคุณต้องมี 50,000,000.– (ห้าสิบล้าน) เหรียญสหรัฐ เพื่อเริ่มต้นที่จะเข้าทำการเทรด แรกทีเดียว ตลาดฟอเรกซ์ ถูกจัดให้เป็นตลาดที่ใช้โดยธนาคาร และ องค์กรใหญ่ ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีไว้ให้พวกเราเข้าเทรดเล่นๆหรอกนะ อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางอินเตอร์เนท การเทรดฟอเรกซ์ได้ถูกจัดโดยเอเยนซี่ต่างๆ ให้เข้าทำการเทรดได้ ด้วยบัญชีรายย่อย สำหรับพวกเรา ๆ ท่าน ๆ
ทั้งหมดที่ท่านต้องมี ก็เพียงแต่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และ บริการไฮสปีส อินเตอร์เนท และข้อมูลต่าง ที่คุณหาได้ จาก blog 9professionaltrader ของเราครับ
9professionaltrader สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทางด้าน Forex และสอนวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานให้กับเทรดเดอร์ผู้ที่ต้องการจะมีหารายได้จาก Internet นอกจากนี้ยังมีบทวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
Spote Market คืออะไร ? ตลาดสปอตมาร์เกต ก็คือตลาดที่ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินตามราคาปัจจุบัน Forex จัดอยู่ในประเภท สปอตมาร์เกต เพราะใช้ค่าของตัวเงินในการเทรดนั่นคือเงิน ต่างจาก Future Market ที่เราได้ยินกันในประเภทซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี่สื่อสารที่ทันสมัย ทำให้ Spote Market ได้รับความนิยม เหนือ Futrue Market แบบ ขาดลอย เพราะผู้เทรดใน Future Market จำต้องพิจารณาควบถึงอุปสงค์ของสินค้าเกษตร รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคตด้วย ซึ่งนับวันจะได้รับความนิยมน้อยลง การทำการซื้อขายฟอร์เรกซ์ ผู้เทรดคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความมั่งคง มั่งคั่งของประเทศที่เลือกเทรดและประเทศคู่ค้า จะเห็นว่าการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า Future Market ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังคำนึงถึงปัจจัยนี้เช่นกัน และอีกยังต้องคำนึงถึงอุปสงค์ของสินค้านั้น ๆ อีกด้วย การวิเคราะห์แนวโน้มราคาของสินค้าเกษตรจึงดูเหมือนกับไม่ใช่เป็นของหมู ๆ เลย Future Market จำถูกจำกัดอยู่เฉพราะในวงการพ่อค้าคนกลางของสินค้านั้น ๆ
- สกุลเงินอะไรที่ ใช้ในการเทรด ?
สกุลเงินที่เป็นที่นิยมพร้อมด้วยชื่อย่อดังรายการต่อไปนี้.-
อักษรย่อ | ประเทศ | สกุลเงิน | ชื่อเรียก | ||
USD | United States | Dollar | Buck | ||
EUR | Euro members | Euro | Fiber | ||
JPY | Japand | Yen | Yen | ||
GBP | Great Britain | Pond | Cable | ||
CHF | Switzerland | Franc | Swissy | ||
CAD | Canada | Dollar | Loonie | ||
AUD | Australia | Dollar | Aussie | ||
NZD | New Zealand | Dollar | Kiwi |
อักษรย่อของสกุลเงินจะเป็นอักษร 3 ตัว เสมอ 2 ตัวแรกบ่งถึงประเทศ ตัวสุดท้ายหรือตัวที่ 3 บ่งถึงชื่อสกุลเงินที่ประเทศนั้นใช้
- ช่วงเวลาสำหรับการเทรด Forex
Spot FX market หริอ ตลาดสปอต เป็นเอกลักษณ์ในตลาดโลก เหมือนซุปเปอร์มาเก็ต ที่เปิดตลาด 24 ชั่วโมงต่อวัน ศูนย์การเงินเปิดให้บริการทุกที่ ทุกเวลา ทั่วโลก ธนาคาร และ สถาบันการเงิน สำหรับบริการทั้งวันทั้งคืนอาจหยุดเพียงชั่วขณะช่วงสุดสัปดาห์
ตลาดแลก เปลี่ยนเงินตราหมุนตามดวงอาทิตย์รอบโลก ซึ่งคุณสามารถเทรดได้ในเวลากลางคืน (หากว่าคุณใกล้เคียงมนุษย์ค้างคาว) หรือ ช่วงเช้าตรู่ (ถ้าคุณชอบหากินดั่งนก) แต่ควรตระหนักไว้หน่อยว่า นกไม่จำเป็นต้องจับหนอนได้เสมอไป ในตลาดเทรด คุณอาจได้หนอนมาเหมือนกัน แต่เจ้านกสกปรกตัวใหญ่กว่าอาจฉกหนอนของคุณต่ออีกทีก็ได้
ช่วงเวลา | นิวยอร์ค | เวลาโลก |
โตเกียว เปิด | 7:00 pm. | 0:00 |
โตเกียว ปิด | 4:00 am. | 9:00 |
ลอนดอน เปิด | 3:00 am. | 8:00 |
ลอนดอน ปิด | 12:00 pm. | 17:00 |
นิวยอร์ค เปิด | 8:00 am. | 13:00 |
นิวยอร์ค ปิด | 5:00 pm. | 22:00 |
- ตลาด ฟอร์เร็กซ์ (OTC) over the counter
ทำ การเทรดโดยบุคล และ องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก ในตลาด หน้าเค้าเตอร์ (OTC) สมาชิกผู้เทรดตัดสินใจว่าจะเทรดสกุลเงินไหน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความน่าเชื่อถือ ของราคา และประวัติ ของสุกลนั้นต่ออีกสกุลหนึ่ง
ผัง แสดงค่านิยม ของผู้เทรด ต่อสกุลเงิน แสดงว่า เงินดอล์ล เป็นเจ้าศูนย์กลางแห่งการเทรดของบรรดานักเทรดทั่วโลกถึง 89%ของการเทรดทั้งหมด ยูโรมาเป็นที่สอง และญี่ปุ่นมาเป็นที่สาม
- ทำไมไม่ซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ มาเทรดฟอร์เร็กซ์ทำไม
- มี ผลประโยชน์นานัปการสำหรับการเทรดฟอร์เร็กซ์ ด้านล่างนี้เป็นเพียงเหตุผลบางส่วนที่ ทำไมคนส่วนใหญ่เลือกเทรด ฟอร์เร็กซ์ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ไม่มีค่าเคลียริ่ง ไม่มีค่าแลกเปลี่ยน ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ได้ค่าตอบแทนจาก อัตราค่าต่างของราคาเสนอซื้อกับราคาเสนอขาย ที่เรียกว่า bid-ask sprade
- ไม่ มีพ่อค้าคนกลาง การเทรดผ่านตลาดสปอต ทำให้ไม่สามารถมีพ่อค้าคนกลาง โดยที่คุณสามารถเทรดโดยตรงกับตลาดที่รับผิดชอบตามราคาที่กำหนดในชาร์ตอัตรา แลกเปลี่ยนคู่สกุลเงิน
- ไม่จำกัดขนาดของ lot ในตลาดเทรดปัจจุบัน ขนาดของ lot มีขนาดต่างกัน ขนาดแสตนดาร์ด สำหรับเทรดซิลเวอร์คือ น้ำหนัก 5,000 ออนซ์ ในตลาดสปอตฟอร์เร็กซ์ คุณสามารถเลือกขนาดล๊อตได้เอง ทำให้ผู้เทรดสามารถเลือกล๊อตขนาดเล็กถึง 250 เหรียญ (อย่างไรก็ตามเราจะพูดถึงอีกทีว่า ขนาดล๊อต 250 เหรียญไม่ใช่ว่าดีX
- ค่าเสปรดต่ำ ค่ารายการบัญชี (bid/ask spread) โดยทั่วไปจะต่ำกว่า 0.1 % ในสภาวะปกติ ดีลเลอร์ใหญ่ค่าเสปรดอาจต่ำเพียง .07% โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับขนาดของล๊อตที่คุณเลือก เราจะอธิบายในภายหลัง
- ตลาด 24 ชั่วโมง ไม่มีการที่จะต้องรอที่ทำการเปิด จากเช้าตรู่วันจันทร์ยันเช้าตรู่วันศุกร์ตามเวลาบ้านเรา ตลาดฟอร์เร็กซ์ ไม่เคยหลับ ถ้าคุณเทรดพาร์ทไทม์ คุณสามารถเลือกที่จะ เทรด เวลาไหนก็ได้ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือ ขณะที่คนอื่นกำลังฝันหวาน
- ไม่สามารถปั่นตลาดได้ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหรถึกมากจนไม่มีเศรษฐีหรือองค์กรไหน ๆ (แม้กระทั่วเซนทรัลแบงค์) ก็ตาม สามารถที่จะตรึงราคาของสกุลเงินใด ๆ ไว้ได้เกินชั่วขณะ
- Levelage เลเวลเลจ ในการเทรดฟอร์เร็กซ์ คือจำนวนมาร์ยิน หรือเครดิทที่คุณจะได้จากดีลเลอร์ เลเวลเลจเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถทำกำไรให้คุณได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ให้เลเวลเลจคุณในอัตรา 200 ต่ด 1 นั่นหมายความว่าคุณวางเงินเพียง 50 ดอล์ล คุณสามารถเทรดหรือซื้อขายได้ถึง 10,000 ดอล์ล ในทำนองเดียวกัน 500 เหรียญ ก็สามารถเทรดถึง 100,000 เหรียญ ตามสัดส่วน แต่เลเวลเลจ ก็คือดาบสองคมเช่นกัน หากปราศจากการจัดการเงินที่ดี อัตราเลเวลเลจที่สูงเกินอาจทำให้เสียหายมากพอกับที่จะได้กำไรเช่นกัน
- แหล่งเงินที่คล่องตัวที่สุด เหตุที่ฟอร์เร็กซ์ ใหญ่โตมโหราฬมาก มันมีความคล่องของการหมุนเวียนเงินเช่นกัน นั่นหมายความว่า ภายใต้สถานการณ์ปกติ จากการแค่คลิ๊กเมาซ์ที่ปลายนิ้ว สามารถซื้อหรือขายได้ทันที คุณไม่ต้องรอจนกว่าจะมีคู่ซื้อเหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา ที่บางครั้งต้องเทขายด่วนที่สุดแต่หาคนซื้อไม่ได้ เพราะมีแต่คนเทขาย อิอิ… นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งกำหนดการซื้อการขายบนหน้าจอ ตามราคาที่คุณต้องการและ ระบุราคาปิด หรือตั้งราคาจำกัดการขาดทุนได้อีกด้วย
- เปิดบัญชี ดีโม ทดลองเล่นในสภาวะตลาดแท้จริงได้ฟรี มีข่าว ราคา และการวิเคราห์ พร้อมบนหน้าจอมอนนิเตอร์ในห้องทำงานหรือในบ้านอันสุขสบายของคุณ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เสนอฟรีให้ท่านสามารถทดลองเทรดเหมือนจริง เพื่อเพิ่มทักษะ และความมั่นใจ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังเวียนและเทรดด้วยเงินแท้ ๆ
- บัญชีเทรด Mini และ Micro คุณอาจจะคิดว่าถ้าจะเริ่มเข้าเทรด อาจต้องใช้เงินเป็นตัน ความจริงแล้ว ถ้าเทียบกับการซื้อหุ้นอุตสาหกรรม ไม่ใช่เลย โบรกเกอร์ ออนไลน์ ของฟอร์เร็กซ์ มีการเสนอ บัญชี Micro และ Mini สำหรับผู้มีเบี้ยน้อยหอยน้อย ไม่กี่เหรียญก็เข้าเทรดได้ เราไม่ได้พูดว่าจะต้องมีเงินอย่างต่ำเท่าไหร่จึงสมควรที่จะเปิดบัญชเทรด แต่ข้อเสนอนี้ทำให้ ฟอร์เร็กซ์ สามารถเข้าถึงได้จากคนทั่วไปหรือจนกว่าทั่วไปซะอีก ที่ไม่มีเงินทุนเป็นก้อนเป็นกำที่จะเริ่มเทรด เหมือนหุ้นสินทรบ้านเรา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://pipsrunner.blogspot.com/
ตัวอย่างการทำกำไรจากฟอเร็กจากเงิน 5$ เป็น 20480$ ภายใน 1 ปี
จากตาราง เป็นแผนการทำกำไรภายในระยะเวลา 1 ปี แถวที่สองเป็นจำนวนจุดต่อเดือน
แถวที่สามคือ จำนวนจุดต่อวันและแถวที่สี่เป็นเปอร์เซนต์ของเงินลงทุนของเรา
ซึ่งถ้า % เงินลงทุนน้อย จำนวนจุดต่อวันก็จะมาก แต่ถ้า % ของเงินลงทุนเยอะ
จำนวนจุด ที่ต้องการต่อวันก็จะน้อยลง ซึ่งก็มีความเสี่ยงมากกว่าด้วยยกตัวอย่างนะครับ
เราจะเล่นที่ 5 % ของทุน คือ 0.25 เหรียญคงที่ตลอดระยะเวลา 1เดือนเราต้อง
ทำกำไรวันละ 100 จุด (pips) และต้องทำให้ได้ 2000 จุด ภายใน 1 เดือน
และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อครบกำหนด 1 ปี เราก็จะมีเงิน 20480 เหรียญ
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากโดยที่เราจะต้องสามารถควบคุมอารมณ์และความโลภของเราให้ได้
และศึกษาการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการเข้าเทรด เพียงแค่นี้เราก็สามารถทำเงินก้อนใหญ่ได้จากฟอเร็กซ์แล้ว
โบรคเกอร์แนะนำ
Exness จุดเด่นอยู่ตรงที่ ฝาก-ถอนแบบอัตโนมัติ (ถอน Instant รับเงินเร็วมาก)
สนใจสมัครสมาชิกเพื่อสร้างรายได้คลิกที่โลโก้ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
หรือลิ้งนี้
https://www.exness.com/a/69892
หรือลิ้งนี้
https://www.exness.com/a/69892
Type Of Order
ประเภทของคำสั่งรายการเทรด
โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะมีคำสั่งรายการพวกนี้จัดเตรียมไว้ให้คุณอยู่แล้ว แต่มีบางโบรกเกอร์ที่ออเดอร์แปลกประหลาดต่างจากที่อื่น
พื้นฐานของออเดอร์ที่โบรกเกอร์ทั้งหมดต้องมี
1. Market Order
มาเก็ตออเดอร์คือออเดอร์ที่ buy หรือ Sell ในราคาของตลาดปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2800ถ้าคุณต้องการ Buy ที่ราคานี้ คุณก็คลิก Buy แล้วคุณก็จะได้ราคานี้ทันที
2.Limit order
ลิมิตออเดอร์คือ ออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้า (ตั้งสวนนั่นเอง ) ตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2800 คุณต้องการตั้งสวน Buy ที่ 1.2780 คุณต้องใช้ คำสั่ง Buy Limit เมื่อราคาลงไปถึง 1.2780 ไปชนออเดอร์ของคุณ คุณก็จะได้ราคานี้ทันที
2.Stop order
สต๊อบออเดอร์ คือออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้าเช่นกัน แต่ไม่ได้ตั้งสวนนะ แต่เป็นการตั้งตามแนวโน้มมากกว่า ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.2800 แล้วคุณต้องการ Buy เมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 1.2820 คุณก็อาจจะไปตั้ง Buy Stop ที่ราคา 1.2820 ถ้าราคาผ่าน 1.2820 ได้ ราคาก็จะไปชน Limit order ของคุณ
3. Stop -Loss
จุดหยุดการขาดทุน
เมื่อคุณได้ทำการเข้าออเดอร์ไว้แล้ว แล้วไม่มีเวลาอยู่หน้าจอ ต้องออกไปข้างนอก Stop loss สามารถช่วยคุณได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณ Buy EUR/USD ที่ 1.2820 คุณต้องการที่จะหยุดขาดทุนที่ 20 pips คุณก็สามารถตั้ง Stop loss ได้ที่ราคา 1.2800 เมื่อราคาลงมาถึง 1.2800 ออเดอร์ของคุณก็จะหยุดทันที สต๊อบลอสสามารถช่วยให้หยุดการขาดทุนของคุณได้ ช่วยให้เงินของคุณไม่หมดพอร์ต
4. Target
ทาเก็ตคือ ราคาเป้าหมาย หรือกำไรที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการกำไรจาก Order Buy ที่ราคา 1.2820 โดยหวังกำไรจากรายการนี้ 20 pips คุณก็ตั้ง Target ไว้ที่ 1.2840
การตั้ง Stop loss และ Target ช่วยให้คุณมีวินัยในการเทรดมากขึ้น
ประเภทออเดอร์แบบอื่นๆ
ประเภทของคำสั่งรายการเทรด
โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะมีคำสั่งรายการพวกนี้จัดเตรียมไว้ให้คุณอยู่แล้ว แต่มีบางโบรกเกอร์ที่ออเดอร์แปลกประหลาดต่างจากที่อื่น
พื้นฐานของออเดอร์ที่โบรกเกอร์ทั้งหมดต้องมี
1. Market Order
มาเก็ตออเดอร์คือออเดอร์ที่ buy หรือ Sell ในราคาของตลาดปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 1.2800ถ้าคุณต้องการ Buy ที่ราคานี้ คุณก็คลิก Buy แล้วคุณก็จะได้ราคานี้ทันที
2.Limit order
ลิมิตออเดอร์คือ ออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้า (ตั้งสวนนั่นเอง ) ตัวอย่างเช่น ถ้าตอนนี้ราคาของ EUR/USD อยู่ที่ 1.2800 คุณต้องการตั้งสวน Buy ที่ 1.2780 คุณต้องใช้ คำสั่ง Buy Limit เมื่อราคาลงไปถึง 1.2780 ไปชนออเดอร์ของคุณ คุณก็จะได้ราคานี้ทันที
2.Stop order
สต๊อบออเดอร์ คือออเดอร์ที่ถูกแทนที่ด้วย Buy หรือ Sell ในราคาล่วงหน้าเช่นกัน แต่ไม่ได้ตั้งสวนนะ แต่เป็นการตั้งตามแนวโน้มมากกว่า ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ EUR/USD ราคาอยู่ที่ 1.2800 แล้วคุณต้องการ Buy เมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านที่ 1.2820 คุณก็อาจจะไปตั้ง Buy Stop ที่ราคา 1.2820 ถ้าราคาผ่าน 1.2820 ได้ ราคาก็จะไปชน Limit order ของคุณ
3. Stop -Loss
จุดหยุดการขาดทุน
เมื่อคุณได้ทำการเข้าออเดอร์ไว้แล้ว แล้วไม่มีเวลาอยู่หน้าจอ ต้องออกไปข้างนอก Stop loss สามารถช่วยคุณได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณ Buy EUR/USD ที่ 1.2820 คุณต้องการที่จะหยุดขาดทุนที่ 20 pips คุณก็สามารถตั้ง Stop loss ได้ที่ราคา 1.2800 เมื่อราคาลงมาถึง 1.2800 ออเดอร์ของคุณก็จะหยุดทันที สต๊อบลอสสามารถช่วยให้หยุดการขาดทุนของคุณได้ ช่วยให้เงินของคุณไม่หมดพอร์ต
4. Target
ทาเก็ตคือ ราคาเป้าหมาย หรือกำไรที่คุณต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการกำไรจาก Order Buy ที่ราคา 1.2820 โดยหวังกำไรจากรายการนี้ 20 pips คุณก็ตั้ง Target ไว้ที่ 1.2840
การตั้ง Stop loss และ Target ช่วยให้คุณมีวินัยในการเทรดมากขึ้น
ประเภทออเดอร์แบบอื่นๆ
1.GTC(Good'til canceled)
คำสั่งแบบ GTC เป็นคำสั่งที่ยังคงแอคทิฟจนกระทั่งคุณได้ตัดสินใจยกเลิกมัน โบรกเกอร์ของคุณจะไม่ยกเลิกให้คุณ ดังนั้น นี่เป็นความรับผิดชอบของคุณที่คุณได้กำหนดชนิดไว้แล้ว
2.GFD(Good for the day)
คำสั่งแบบ GFD จะยังคงแอคทิฟจนกระทั่งตลาดปิด วันต่อวันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์ของคุณว่ากำหนด ราคาของวันนั้นๆ จะสิ้นสุดกี่โมง เพื่อเริ่มวันใหม่ ต้องตรวจสอบกับทางโบรกเกอร์ของคุณด้วย
3.OCO (Order cancels other)
คำสั่งแบบ OCO จะรวมระหว่าง Limit และ Stop โดยตั้งไว้ที่ด้านบนและด้านล่างของราคาปัจจุบัน
Leverage คืออะไร
ความหมายง่ายๆของ เลเวอเรจ (Leverage) คือ จำนวนเปอร์เซนที่ได้ยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อทำการเปิดออเดอร์เทรด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณซื้อ 100 หุ้นในตลาดหุ้นโดยที่ราคาหุ้นละ 10 $ ต่อหุ้น คุณต้องใช้เงิน 1000$ เพื่อเปิดการเทรด บางโบรกเกอร์ให้คุณยืมเงินเพื่อเทรดสูงถึง 50-80% ของมูลค่าหุ้นทั้งหมด แทนที่คุณจะใช้เงิน 1000$ แต่คุณกลับใช้แค่ 500 $ เท่านั้น เพื่อทำการเทรด สิ่งนี้แหระที่ทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อหุ้นได้มาก โดยใช้เงินเท่าเดิม อย่างไรก็ตามทางโบรกเกอร์ก็จะชาร์จกำไรจากการยืมของคุณ หลักการณ์นี้ก็น้ำมาใช้กับตลาดForex
แต่โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหระครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย
เอาล่ะครับ หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันเลยครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง
โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000 เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้นเช่นโบรก Exness และ Instaforex
ผมจะยกตัวอย่างการเทรดที่ Leverage 1:100
สมมติว่าผมต้องการซื้อ EUR ที่ 100 units ผมจะใช้เงินของผม 1 units เท่านั้นเพื่อซื้อ EUR 100 units ถ้าซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.2750 เมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.2800 ผลต่างของราคาเท่ากับ 50 pips ผมพอใจแล้ว ก็ทำการขาย ผมได้กำไร 50 pips
มาดูตัวอย่างการคำนวณครับ จากหัวข้อ เรื่อง Pips และ Lot ใครยังไม่ได้อ่านกลับไปอ่านนะครับ
(pip value / ราคาที่คุณปิด ) คูณด้วย Unit ที่คุณทำการ Buy Sell
=(0.001/1.2800)*100=0.39 $
หรือผมอาจจะคิดแบบนี้ สมมติว่า ผมต้องการซื้อ EUR ที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน EUR/USD =1.2750 เป็นจำนวน 100 $ ผมจึงใช้เงินของผม 1 $ บัญชีของผมเป็น Leverage 1:100 ดังนั้นผมต้องยืมโบรกเกอร์อีก 99$ เมื่อผมซื้อแล้ว ผมจะได้ EUR มา 78.43 Euro และเมื่อราคาขึ้นไป 1.2800 ผมได้ กำไร 50 pips ผมตัดสินใจขายยูโร ที่ผมซื้อมา จะได้ 78.43*1.2800=100.39 $ นี่คือกำไรของผม
100.39 $ แต่ผมได้ยืมโบรกเกอร์มา 99 $ ทางโบรกเกอร์จะหักเงินอัตโนมัติ แล้วที่เหลือก็คือ 1.39 $ สรุปคือ ถ้าได้กำไรมา 0.39 $ จากการเทรดเงิน 1 $ เมื่อราคาเคลื่อนที่ 50 pips
แต่ปัจจุบันนี้ ทางโบรกเกอร์กำหนดให้เราแล้ว ว่า ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip ถ้าเราซื้อ 1 $ เราจะได้ 0.01 $ ดังนั้นจากตัวอย่างข้างบน ได้มา 50 pips ผมจะได้เงิน 0.50$
Use Margin คือ จำนวนเงินที่เราใช้เทรดในแต่ละครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin
ประเภทของบัญชีในการเทรด Forex จะมีอยู่หลายประเภท แต่ที่หลักๆ ที่ใช้กันคือมีสามประเภทคือ
1.Standard Account
2.Mini Account
3.Micro Account
ผมจะเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin ของ บัญชี Standard นะครับ
แต่โบรกเกอร์ฟอเร็กให้คุณยืมถึง 99 % ของทั้งหมดเพื่อให้คุณเปิดการเทรดและคุณก็ใช้มันเพียงแค่ 1 % เท่านั้น ถ้าคุณต้องการเทรด 1000$ คุณใช้มันเพียงแค่ 10 $ นี่แหระครับ คือความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและตลาดฟอเร็กซ์ และตลาดฟอเร็กไม่ชาร์จกำไรจากการยืมของคุณด้วย
เอาล่ะครับ หลายๆคนอาจจะงง เรามาดูกันเลยครับ ว่า Leverage ที่โบรกเกอร์ฟอเร็กได้กำหนดไว้มีเท่าไรบ้าง
โดยส่วนมากโบรกเกอร์จะกำหนด Leverage ตั้งแต่
Leverage
1:1
1:2
1:10
1:100
1:200
1:400
1:500
1:1000 เฉพาะบางโบรกเกอร์ เท่านั้นเช่นโบรก Exness และ Instaforex
ผมจะยกตัวอย่างการเทรดที่ Leverage 1:100
สมมติว่าผมต้องการซื้อ EUR ที่ 100 units ผมจะใช้เงินของผม 1 units เท่านั้นเพื่อซื้อ EUR 100 units ถ้าซื้อ EUR/USD ที่ราคา 1.2750 เมื่อราคาขึ้นไปถึง 1.2800 ผลต่างของราคาเท่ากับ 50 pips ผมพอใจแล้ว ก็ทำการขาย ผมได้กำไร 50 pips
มาดูตัวอย่างการคำนวณครับ จากหัวข้อ เรื่อง Pips และ Lot ใครยังไม่ได้อ่านกลับไปอ่านนะครับ
(pip value / ราคาที่คุณปิด ) คูณด้วย Unit ที่คุณทำการ Buy Sell
=(0.001/1.2800)*100=0.39 $
หรือผมอาจจะคิดแบบนี้ สมมติว่า ผมต้องการซื้อ EUR ที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน EUR/USD =1.2750 เป็นจำนวน 100 $ ผมจึงใช้เงินของผม 1 $ บัญชีของผมเป็น Leverage 1:100 ดังนั้นผมต้องยืมโบรกเกอร์อีก 99$ เมื่อผมซื้อแล้ว ผมจะได้ EUR มา 78.43 Euro และเมื่อราคาขึ้นไป 1.2800 ผมได้ กำไร 50 pips ผมตัดสินใจขายยูโร ที่ผมซื้อมา จะได้ 78.43*1.2800=100.39 $ นี่คือกำไรของผม
100.39 $ แต่ผมได้ยืมโบรกเกอร์มา 99 $ ทางโบรกเกอร์จะหักเงินอัตโนมัติ แล้วที่เหลือก็คือ 1.39 $ สรุปคือ ถ้าได้กำไรมา 0.39 $ จากการเทรดเงิน 1 $ เมื่อราคาเคลื่อนที่ 50 pips
แต่ปัจจุบันนี้ ทางโบรกเกอร์กำหนดให้เราแล้ว ว่า ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pip ถ้าเราซื้อ 1 $ เราจะได้ 0.01 $ ดังนั้นจากตัวอย่างข้างบน ได้มา 50 pips ผมจะได้เงิน 0.50$
Use Margin คือ จำนวนเงินที่เราใช้เทรดในแต่ละครั้ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin
ประเภทของบัญชีในการเทรด Forex จะมีอยู่หลายประเภท แต่ที่หลักๆ ที่ใช้กันคือมีสามประเภทคือ
1.Standard Account
2.Mini Account
3.Micro Account
ผมจะเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง Lot , Leverage และ Use Margin ของ บัญชี Standard นะครับ
Leverage | ความต้องการเทรด | Use Margin |
1:100 | 1 lot(100,000$) | 1000$ |
1:200 | 1 lot(100,000$) | 500$ |
1:400 | 1 lot(100,000$) | 250$ |
การเทรด 1 Lot คือ การใช้ Use Margin 1000 ดอลล่า เพื่อที่จะเทรดฟอเร็กซ์ โดยใช้ Leverage 1:100 หมายความว่า คุณต้องมีเงินในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์มากกว่า 1000 $ คุณจึงจะเทรดที่ 1 Lot ได้ และการเปลี่ยนแปลงต่อจุด ถ้าราคาเคลื่อนที่ไป 1 pips จะเท่ากับ 10 $ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณมีเงินแค่ 1000 $ แล้วคุณปล่อยให้ลบ 100 pips บัญชีของคุณก็จะโดน Margin Callทันที ถ้าคุณไม่มี Margin โบรกเกอร์ก็จะตัดทันที
Leverage 1 :200 สิ่งที่แตกต่างของ Leverage 1:200 คือ จำนวนเงินที่ใช้เทรด Use Margin จะน้อยกว่า 1:100 แต่ การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pip เท่ากับ 10 $ เหมือนกัน
ไม่ว่าคุณจะเล่นที่ Leverage เท่าไร การเปลี่ยนแปลงต่อ 1 pips ก็ยังคงเท่าเดิม
ซึ่งตอนนี้บางโบรกเกอร์ สร้าง Leverage สูงๆ ขึ้นมาเพื่อให้พวก Scalper ที่เล่นสั้นๆ ลงเงินเยอะๆ อย่างเช่น Loeverage 1:1000 ถ้าคุณมีเงิน 1000 $ ในบัญชี คุณสามารถเทรด 5 Lot ได้ ซึ่งก็หมายความว่า คุณต้องการให้ได้กำไร 50 $ ต่อ pips แต่ถ้าราคาไม่เป็นดังที่คุณต้องการ ราคาลบไป 20 pips
พอร์ตของคุณก็จะเกลี้ยงทันที
ทำความรู้จักกับ Pips และ Lots กันก่อน
คุณอาจจะได้เคยได้ยินคำว่า pips และคำว่า Lots ผมจะขยายความว่ามันคืออะไรและคำนวณกันอย่างไร
คุณ ควรใช้เวลากับเรื่องนี้มากพอสมควร มันเป็นความรู้ที่เทรดเดอร์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ อย่าพึ่งนึกถึงเรื่องการเทรดจนกว่าคุณจะเข้าใจคำว่า pips และสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้
คำว่า Pip คืออะไร
โดยทั่วไป การเพิ่มขึ้นของค่าเงินนั้นจะบอกเป็น Pip ถ้า EUR/USD เคลื่อนที่จาก 1.2250 ไปที่ 1.2251 นี่คือเคลื่อนที่ไป 1 pip PIP คือ จุดทศนิยมตัวสุดท้ายซึ่งถูกอ้างอิงจากราคาปัจจุบันของตลาด กำหนดให้มีสี่ตำแหน่งที่ใช้กัน ในบางโบรกเกอร์อาจจะมีถึงห้าตำแหน่ง PIP เป็นสิ่งที่บอกให้คุณรู้ว่า คุณได้กำไรหรือขาดทุน
โดยแต่ละค่าเงินก็มีค่างของตัวมันเอง มันเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องคำนวนค่าของ pip สำหรับค่าเงินนั้นๆ ค่าเงินที่ USD ขึ้นก่อน สามารถคำนวณได้ดังนี้
เช่น USD/JPY อยู่ที่ ราคา 119.80(โดยส่วนมากจะมีทศนิยมสองตำแหน่ง ) ในกรณีนี้ 1 pip เท่ากับ 0.01
ดังนั้น
USD/JPY
119.80
0.01 หารด้วย อัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.01/119.80 = 0.0000834
ดูเหมือนกับกว่ามีตัวเลขที่เยอะมากแต่เราจะอธิบายตัวเลขนี้ในภายหลัง
USD/CHF
1.5250
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.5250 = 0,0000655
USD/CAD
1.4890
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
0.0001/1.48990 = 0.00006715
และในกรณีที่ US ดอลล่าร์ ไมได้อยู่เป็นตัวแรก และเราต้องการที่จะได้รับเป็นค่าของดอลล่า เราทำได้ดังนี้
EUR/USD
1.2200
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pips value
ดังนั้น
0.0001/1.2200 = EUR 0.00008196
แต่พวกเราต้องการทำให้เป็นหน่วย US ดอลล่าร์ เราจึงต้องคำนวนใหม่เป็น
EUR คูณ อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะเท่ากับ
0.00008196 * 1.2200= 0.00009999
เราปัดทศนิยมให้เป็นสี่ตำแหน่งจะได้เป็น 0.0001
GBP/USD
1.7975
0.0001 หารด้วยอัตราแลกเปลี่ยน = pip value
ดังนั้น
0.0001/1.7975 =GBP 0.0000556
แต่เราต้องการทำให้เป็นหน่วยของ US ดอลล่าร์ ซึ่งคำนวนได้ดังนี้
GBP*อัตราแลกเปลี่ยน
ดังนั้นจะได้เท่ากับ
0.0000556*1.7975=0.0000998
เราปัดเป็นทศนิยมสี่ตำแหน่งเป็น 0.0001
สำหรับค่าเหล่านี้ คุณไม่ต้องคำนวนอะไร เราอยากให้ทราบถึงที่มา ว่ามันมาอย่างไร ทั้งหมดนี้ โบรกเกอร์จัดการให้คุณแบบอัตโนมัติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่คุณควรจะรู้ว่ามันทำงานอย่างไร
Lots คืออะไร
ในตลาด Forex เทรดเป็นจำนวน Lots , ขนาดมาตรฐานสำหรับ Lot คือ 100000 units และมี Mini lot size ที่ 10000 units เมื่อคุณรู้แล้วว่า ค่าเงินนั้นวัดค่าเป็น pips ซึ่งเป็นการเพิ่มทีละน้อยของค่าเงินนั้น ซึ่งข้อดีของการเพิ่มทีละน้อย มันทำให้คุณสามารถเทรดได้จำนวนมากๆในแต่ละค่าเงินที่คุณเลือก และสามารถคำนวณกำไร ขาดทุนได้
สมมติว่าเราใช้ 100000 units (Standard size) เราจะคำนวนใหม่ให้เห็นค่าของ pip value
USD/JPY ที่อัตราแลกเปลี่ยน 119.80
(.01 / 119.80) x 100,000 = $8.34 per pip)
USD/CHF at an exchange rate of 1.4555
(.0001 / 1.4555) x 100,000 = $6.87 per pip)
EUR/USD at an exchange rate of 1.1930
(.0001 / 1.1930) X 100,000 = 8.38 x 1.1930 = $9.99734 rounded up will be $10 per pip)
GBP/USD at an exchange rate or 1.8040
(.0001 / 1.8040) x 100,000 = 5.54 x 1.8040 = 9.99416 rounded up will be $10 per pip.)
ซึ่งโบรกเกอร์ของคุณอาจจะมีข้อตกลงที่แตกต่างกันในการคำนวน pip value สัมพันธ์กับ Lot size แต่ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตามหนทางที่พวกเขาทำ พวกเขาจะต้องแจ้งให้คุณทราบ pips value ของการเทรดของคุณที่เวลานั้นๆ เป็นเท่าไร ขณะที่ตลาดมีการเคลื่อนตัว pip value จะขึ้นอยู่กับค่าเงินอะไร ที่คุณเทรดอยู่ ณ ปัจจุบัน
คุณสามารถคำนวนกำไรและขาดทุนได้อย่างไร
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะสามารถคำนวน Pip value ได้อย่างไร ต่อไปนี้มาดูวิธีการคำนวนกำไรและขาดทุนของคุณ
Buy USD และ Sell Swiss francs
ที่อัตราที่แสดงราคาคือ 1.4525/1.4530 เพราะว่าคุณได้ Buy US คุณจะได้ราคา 1.4530
ไม่กี่นาทีผ่านไป ราคาเคลื่อนที่ไปที่ 1.4550 และคุณตัดสินใจที่จะปิดออเดอร์ของคุณ
ราคาที่แสดงใหม่ของ USD/CHF คือ 1.4550/1.4555
ผลต่างระหว่าง 1.4530 ถึง 1.4550 คือ 20 pips
ใช้สูตรก่อนหน้านี้ในการคำนวนจะได้
(.0001/1.4550) x 100,000 = $6.87 per pip x 20 pips = $137.40
จำไว้ว่า เมื่อคุณจะเข้าเทรด หรือออกจากการเทรด ให้คุณดูเสปรดในราคา bid/offer(ask)
วีดีโอคำศัพท์ในตลาดฟอเร็กซ์
;
What 's Candle Stick Chart ? กราฟแท่งเทียนคืออะไร
กราฟ แท่งเทียนเป็นกราฟที่แสดงราคาของหุ้นตัวนั้น ซึ่งจะแสดงราคาเปิด ( Open Price ) ราคาปิด(Close Price) ราคาสูงสุด ( High Price) และราคาต่ำสุด( Low Price ) โดยต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียนมาจากประเทศยี่ปุ่นโดยมีประวัติย้อนหลังยาวนาน มาก โดยนาย Munehisa Homma เป็นผู้คิดค้นจากการวิเคราะห์จิตวิทยาของคนในการซื้อชายและกำหนดราคาข้าว และเขาได้เขียนหนังสือไว้สองเล่มคือ Sakata Henso และ Soba No Den เมื่อประมาณ พ.ศ. ที่ผ่านมาประเทศกลุ่มตะวันตกทั้งหลายได้เห็นถึงประสิทธิภาพจึงได้นำมา ประยุกต์ใช้กับตลาดหุ้น ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดเงินตราระหว่างประเทศ โดยรูปแบบต่างๆของกราฟแท่งเทียนนั้นมีอยู่ด้วยกันมากกว่า 50ประเภท แต่เรานำมาประยุกต์ใช้กับตลาด ณ ปัจจุบันเพียงและเกิดขึ้นบ่อยๆ เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น
รูปแบบ กราฟ แท่งเทียน
รูปร่างทั่วไปของแท่งเทียน General Of CandleStick Sharp
แท่ง เทียนจะประกอบด้วย ราคาปิด ราคาเปิด ราคาต่ำสุด ราคาสูงสุด ซึ่งระยะระหว่างราคาปิดและราคาเปิดเราจะเรียกว่า ตัวแท่ง ( Body) ใส้เทียนด้านบน คือ Upper Shadow และ ใส้เทียนด้านล่าง Lower Shadow
ลักษณะของแท่งเทียนมีอยู่ สาม แบบ คือ
1. แท่งเทียนขาขึ้น Bullish Candlestick ลักษณะของแท่งเทียนขาขึ้นนี้ ราคาปิดจะอยู่สูงกว่าราคาเปิด
bullish candlestick แท่งเทียนขาขึ้น |
bearish candlestick แท่งเทียนขาลง |
3.Doji โดจิคือ ราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเป็นราคาเดียวกัน หรือ อยู่ใกล้เคียงกันมากๆ
doji ราคาปิดและราคาเปิดอยู่ตำแหน่งเดียวกัน |
รูปแบบของแท่งเทียน (Candlestick Pattern ) มีด้วยกัน 3 รูปแบบคือ
1.รูปแบบของแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candlestick Pattern)
2.รูปแบบของแท่งเทียนขาลง (Bearish Candlestick Pattern)
3.รูปแบบของแท่งเทียนแบบต่อเนื่อง (Continuous Candlestick Patern)
รูปแบบกราฟแท่งเทียนที่มักจะพบบ่อยที่สุด มีดังนี้
โดยปกติแล้ว รูปแบบของแท่งเทียนมีเยอะมาก มากกว่า 50 รูปแบบ ถ้าจะให้เราจำหมด ก็คงไม่ไหว วันนี้ผมจึงเอาเฉพาะรูปแบบที่พบบ่อยบนกราฟของเรามาให้ดูกันครับ ว่าแต่ละตัวบอกถึงอะไร สื่อความหมายว่าอย่างไร การดูแท่งเทียนเป็นวิธีการที่ดีที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น หรือ ฟอเร็กซ์ และเพื่อความแม่นยำให้กับการวิเคราะห์กราฟของเรา เราก็ควรจะใช้รูปแบบของกราฟแท่งเทียนร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Indicator , Fibonacci , Trendline , Moving Average และ รูปแบบกราฟโดยทั่วไป เราสามารถประยุกต์กราฟแท่งเทียนเข้ากับเครื่องมือเหล่านี้ได้
10 อันดับที่พบบ่อยของ รูปแบบกราฟแท่งเทียน
Dark Cloud Cover: เป็นแท่งเทียนตามด้วยแท่งเทียนสีดำ ราคาเปิดของแท่งสีดำจะเปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งสีขาวและราคาปิดของแท่ง สีดำจะปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งสีดำ รูปแบบนี้เป็นสัญญาณการกลับทิศจากแนวโน้มขาขึ้นกลายเป็นแนวโน้มขาลง (Bearish Reversal Signal)
แต่ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนสีดำ ปิดสูงกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนสีข่าว ให้เรารอสัญญาณยืนยันของแท่งเทียนสีดำอีกแท่ง ถ้าราคาปิดของแท่งเทียนอีกแท่งปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของแท่งสีขาว ก็เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นตลาดขาลง
Doji: เป็นกราฟแท่งเทียนที่มีราคาเปิดและราคาปิดอยู่ในราคาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันมากๆ เราก็ถือว่ากราฟแท่งเทียนนั้นเป็นโดจิ ลักษณะของมันจะคล้าย เครื่องหมาย บวก เครื่องหมาย ลบ กากบาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกเรียกว่า โดจิ
Doji: เป็นกราฟแท่งเทียนที่มีราคาเปิดและราคาปิดอยู่ในราคาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันมากๆ เราก็ถือว่ากราฟแท่งเทียนนั้นเป็นโดจิ ลักษณะของมันจะคล้าย เครื่องหมาย บวก เครื่องหมาย ลบ กากบาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกเรียกว่า โดจิ
ถ้าเกิด โดจิ ขึ้นกับกราฟของเรา นั่นคือสัญญาณบอกเราว่า ราคากำลังจะเปลี่ยนจากแนวโน้มเดิม โดยทั่วไปแล้ว เราจะดู โดจิเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูแท่งเทียนถัดมาอีกแท่งเพื่อเป็นสัญญาณยืนยันของแนว
โน้มนั้น
Engulfing Pattern: ในสภาวะที่เป็นตลาดขาลงเราจะเป็นว่าแท่งสีดำ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเปลี่ยนแท่ง ราคาจะกระโดดโดยที่ราคาเปิดของแท่งสีขาวจะอยู่ต่ำกว่าราคาปิดของแท่งสีดำ และมีแรงซื้อเข้ามาทำให้เราราปิดของแท่งสีขาวสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งสีดำ นี่คือ ตลาดกำลังจะ
กลับตัวจากแนวโน้มลงเป็นแนวโน้มขาขึ้น ลักษณะรูปแบบแท่งเทียนแบบนี้เรียกว่า Engulfing Bullish
Engulfing Pattern จะประกอบด้วย 2 รูปแบบคือ Engulfing Bullish และ Engulfing Bearish
Evening Star: โดยทั่วไปแล้วรูปแบบแท่งเทียนนี้จะเป็นการกลับตัวของกราฟจากแนวโน้มขาขึ้น กลายเป็นแนวโน้มขาลง โดบรูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนสามแท่ง แท่งแรกเป็นแท่งเทียนสีขาวยาวๆ และตามด้วยแท่งเล็กๆ ที่เกิดการกระโดดขึ้นไปอยู่บนยอด (gap) และมีขนาดเล็กๆ ราคาปิดและราคาเปิดของแท่งเทียนที่สองจะอยู๋ใกล้เคียงกัน จากนั้นก็เกิดช่องว่าง(gap)เปลี่ยนเป็นแท่งที่สามเป็นแท่งสีดำยาวๆ นี่คือลักษณะของ Evening Star นอกจาก Evening Star แล้วก็ยังมี Morning Star โดยหลักการก็ตรงกันข้ามกับ Evening Star
Hammer: เมื่อตลาดอยู่ในสภาวะขาลงมีแท่งเทียนสีดำลงมาเรื่อยๆ จากนั้นราคาได้ดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุด โดยลักษณะของแท่งเทียนจะเป็นแบบตะปู โดยที่มีราคาปิดจะปิดสูงกว่าราคาต่ำสุดลักษณะนี้เราจะเรียกว่า Hammer
Hammer มักจะบอกเราอยู่เสมอว่า ราคากำลังจะเปลี่ยนจากแนวโน้มขาลงกลายเป็นแนวโน้มขาขึ้น Hanging Man: รูปแบบของ Hanging man จะคล้ายกับ Hammer แต่จะเกิดกับแนวโน้มขาขึ้น ถ้าเกิด Hanging man กราฟมันกำลังบอกเราว่า แนวโน้มกำลังจะเปลี่ยนจากขาขึ้นกลายเป็นขาลง ให้รอสัญญาณยืนยันจากแท่งเทียนขาลงอีกแท่ง
Harami: รูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งแท่งเทียนขาขึ้นสีขาวและแท่งเทียนสี ดำ เมื่อมีแท่งเทียนปิดตัวลงได้เกิดแท่งเทียนสีดำเล็กขึ้น โดยแท่งเทียนสีดำอยู่ระหว่าง Body ของแท่งเทียนสีขาว แท่งเทียนแบบ Harami นี้จะบอกการกลับตัวจากแนวโน้มเดิม
Harami: รูปแบบนี้จะประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่งแท่งเทียนขาขึ้นสีขาวและแท่งเทียนสี ดำ เมื่อมีแท่งเทียนปิดตัวลงได้เกิดแท่งเทียนสีดำเล็กขึ้น โดยแท่งเทียนสีดำอยู่ระหว่าง Body ของแท่งเทียนสีขาว แท่งเทียนแบบ Harami นี้จะบอกการกลับตัวจากแนวโน้มเดิม
Harami จะประกอบด้วย 2 รูปแบบคือ Bullish Harami และ Bearish Harami ตัวอย่างด้านบนเป็น Bullish harami
Morning Star: รูปแบบของแท่งเทียนแบบ morning star จะดูกันแค่ 3 แท่ง รูปแบบนี้เอาไว้ดูการกลับตัวของกราฟจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal candle pattern) จะประกอบแท่งเทียนสีดำยาวๆ ซึ่งเป็นแท่งเทียนขาลงและ ตามด้วยแท่งเทียนสั้นๆ ที่เกิด gab ด้วย เมื่อมีแท่งสั้นๆตรงกลางแล้ว ตามด้วย แท่งเทียนสีขาว
แท่งเทียนสีขาวที่เกิดขึ้น ราคาปิดของแท่งเทียนสีขาวต้องปิดสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนสีดำ Piercing Line: เป็นแท่งเทียนสีดำ ตามด้วยแท่งเทียนสีขาวที่มีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนสีดำ แต่แท่งเทียนสีขาวสามารถทำราคาปิดสูงกว่ากึ่งกลางของแท่งเทียนสีดำ รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการกลับตัวการกลับตัวของกราฟจากขาขึ้นเป็นกราฟขาลง และรูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่ตรงข้ามกับ Dark Cloud Cover
Shooting Star: รูปแบบนี้จะตรงข้ามกับรูปแบบของ Hammer แท่งเทียนแท่งแรกเป็นแท่งเทียนขาขึ้น และตามด้วยแท่งเทียนที่มีราคาปิดและเปิดอยู่ใกล้ๆกับราคาต่ำสุด รูปแบบนี้จะบ่งบอกเราว่ากราฟกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นมาเป็นแนวโน้มขา ลง
ทริคในการเทรดโดยรูปแบบแท่งเทียน ของ 9professsionaltrader
เรา สามารถดูแท่งเทียนเพียงอย่างเดียวในการเทรด ได้ แต่เพื่อความแม่นยำ ควรจะดูควบคู่ไปกับ Indicators หรือ เครื่องมืออื่นๆไปด้วย เช่น
1.ผม จะดูรููปแบบของแท่งเทียนควบคู่ไปกับการดู Overbought Oversold เมื่อ Indicators บอกเราว่า ราคาได้ Oversold แล้ว ก็จะมาดูที่ราคา แล้วรอจนกว่าราคาจะเกิดแท่งเทียนกลับตัวเป็นแท่งเทียนขาขึ้น หรือเป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนขาขึ้น (Bullish Candle Pattern) จากนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะซื้อ (Buy)
2.ดู รูปแบบแท่งของแท่งเทียนควบคู่ไปกับ Trendline เมื่อราคาลงมาชนเส้นแนวโน้มขาขึ้น (Support Trendline or Uptrendline) พอมันลงมาชนแล้วเด้งขึ้น แล้วเราก็รอดูราคาปิดของแท่งเทียน ถ้าราคาปิดสูงกว่า กึ่งกลางของแท่งก่อนหน้านั้น แล้วเราจึงสินใจ Buy (ในกรณีที่ราคาขึ้นไปชนแนวโน้มขาลง(Resistance Trendline) ก็ทำตรงข้ามกัน)
3.ดู รูปแบบแท่งเทียนควบคู่กับ แนวรับแนวต้านจากราคาในอดีต และ Fibonacci เมื่อราคาแตะแนวรับแนวต้าน ให้เราสังเกตลักษณะแท่งเทียน ถ้าชนแนวเด้ง นั่นหมายความว่า ราคามีโอกาสกลับตัว แต่ถ้าชนแล้วผ่านฉลุย ปล่อยให้ราคามันวิ่งไป อย่าไปแตะมัน
เยี่ยมครับ มีประโยชน์มากๆๆๆ
ตอบลบWorldwide best forex signals service provider is Forex Signals Es. Most popular forex signals and trade copier provider company is Forex Signals Es. Forex Signals Es are going to offer you a choice to obtain forex signals just for the premium users. Otherwise everybody will use the Free Forex signals from Forex Signals Es web site. Forex Signals Es are going to apprize you before taking any trade. If you're not before of the commerce platform, no drawback Forex Signals Es are going to send you mobile notification through our international SMS services. So, you won’t miss any forex signals from the simplest best accurate forex signals . Forex commerce signals providing is our main task that service you'll get directly and directly you'll be benefited once taking Forex Signals Es service.
ตอบลบForex Signals Es: http://www.forexsignals.es/
I have to search sites with relevant information on given topic and provide them to teacher our opinion and the article. Lot คืออะไร
ตอบลบได้ความรู้เยอะมากๆเลยครับ
ตอบลบสอนเทรด forex
ข่าว forex
forex คืออะไร และมี วิธีการทํา กําไร อย่างไร